บทที่ 7 การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมทางการตลาดของคู่แข่งขัน
การวิเคราะห์
SWOT (SWOT Analysis)
1. Strengths (จุดแข็ง) เป็นการพิจารณาข้อดีหรือจุดเด่นที่เกี่ยวกับบริษัท
ผลิตภัณฑ์ ส่วนประสมทางการตลาด (4 P’s) และปัจจัยภายในที่บริษัทสามารถควบคุมได้
และนำมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด ตัวอย่างของจุดแข็ง ได้แก่
– สินค้ามีคุณภาพดี
– ความชำนาญของบุคลากร
– บรรจุภัณฑ์ทันสมัย – ความแข็งแกร่งของตราสินค้า
– เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ – ทำเลที่ตั้งของกิจการที่เหมาะสม
– มีการประชาสัมพันธ์ที่ดี – ระบบตรวจสอบคุณภาพที่ทันสมัย
– ส่วนแบ่งทางการตลาดสูง – ภาพพจน์ของสินค้าและบริษัทดี
– ต้นทุนการผลิตสินค้าต่ำ – มีการผลิตอย่างต่อเนื่อง
– มีความสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
– บรรจุภัณฑ์ทันสมัย – ความแข็งแกร่งของตราสินค้า
– เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ – ทำเลที่ตั้งของกิจการที่เหมาะสม
– มีการประชาสัมพันธ์ที่ดี – ระบบตรวจสอบคุณภาพที่ทันสมัย
– ส่วนแบ่งทางการตลาดสูง – ภาพพจน์ของสินค้าและบริษัทดี
– ต้นทุนการผลิตสินค้าต่ำ – มีการผลิตอย่างต่อเนื่อง
– มีความสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
2.
Weaknesses (จุดอ่อน) เป็นการพิจารณาข้อเสียหรือจุดด้อยหรือข้อบกพร่องที่อยู่
ภายในบริษัทและผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทสามารถควบคุมได้และบริษัทจำเป็นต้อง
ปรับปรุงแก้ไข ตัวอย่างของจุดอ่อน ได้แก่
ภายในบริษัทและผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทสามารถควบคุมได้และบริษัทจำเป็นต้อง
ปรับปรุงแก้ไข ตัวอย่างของจุดอ่อน ได้แก่
– สินค้ามีให้เลือกน้อย
– ราคาสินค้าแพงกว่าคู่แข่งขัน
– รูปแบบสินค้าไม่ทันสมัย – เงินทุนไม่เพียงพอ
– กำลังการผลิตต่ำ – สายผลิตภัณฑ์สั้น
– ต้นทุนการผลิตสูง – จำนวนแรงงานไม่เพียงพอ
– ช่องทางการจัดจำหน่ายไม่เพียงพอ – ไม่มีงบประการการโฆษณา
– รูปแบบสินค้าไม่ทันสมัย – เงินทุนไม่เพียงพอ
– กำลังการผลิตต่ำ – สายผลิตภัณฑ์สั้น
– ต้นทุนการผลิตสูง – จำนวนแรงงานไม่เพียงพอ
– ช่องทางการจัดจำหน่ายไม่เพียงพอ – ไม่มีงบประการการโฆษณา
3.
Opportunities (โอกาส) เป็นการพิจารณาถึงข้อได้เปรียบของกิจการหรือของ
ผลิตภัณฑ์ที่มีเหนือกว่าคู่แข่งขัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่ภายนอกที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อบริษัท ให้นำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ตัวอย่างของโอกาส ได้แก่
ผลิตภัณฑ์ที่มีเหนือกว่าคู่แข่งขัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่ภายนอกที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อบริษัท ให้นำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ตัวอย่างของโอกาส ได้แก่
– การแข่งขันยังมีน้อย
– คู่แข่งขันเลิกกิจการ
– จำนวนผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น – การเติบโตของตลาดอย่างต่อเนื่อง
– ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล – ทัศนคติที่ดีต่อสินค้าของผู้บริโภค
– เศรษฐกิจมีอัตราเจริญเติบโตสูงขึ้น – มีคนกลางที่ช่วยจัดจำหน่ายมาก
– เทคโนโลยีหรือวิชาการใหม่ที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อธุรกิจ
– จำนวนผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น – การเติบโตของตลาดอย่างต่อเนื่อง
– ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล – ทัศนคติที่ดีต่อสินค้าของผู้บริโภค
– เศรษฐกิจมีอัตราเจริญเติบโตสูงขึ้น – มีคนกลางที่ช่วยจัดจำหน่ายมาก
– เทคโนโลยีหรือวิชาการใหม่ที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อธุรกิจ
4.
Threats (อุปสรรค) เป็นการพิจารณาข้อเสียเปรียบ
ข้อจำกัด หรือปัญหาที่อยู่ภายนอก
กิจการ และเป็นอุปสรรคที่มีผลกระทบต่อบริษัท เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ตัวอย่างของข้อจำกัด ได้แก่
กิจการ และเป็นอุปสรรคที่มีผลกระทบต่อบริษัท เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ตัวอย่างของข้อจำกัด ได้แก่
– ราคาของต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น
– คู่แข่งขันรายใหม่เข้ามาในตลาด
– มีกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับใหม่ – คู่แข่งขันทุ่มการโฆษณาสูง
– มีสินค้าที่ใช้ทดแทนกันได้ – สินค้าถูกกดราคาจากคนกลาง
– เศรษฐกิจอยู่ในขั้นตกต่ำ – ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรสนิยม
– จำนวนผู้บริโภคลดน้อยลง
– มีกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับใหม่ – คู่แข่งขันทุ่มการโฆษณาสูง
– มีสินค้าที่ใช้ทดแทนกันได้ – สินค้าถูกกดราคาจากคนกลาง
– เศรษฐกิจอยู่ในขั้นตกต่ำ – ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรสนิยม
– จำนวนผู้บริโภคลดน้อยลง
ตัวอย่างการวิเคราะห์ SWOT ของธุรกิจร้านค้าปลีก
กลยุทธ์การแข่งขัน
เป็นกลยุทธ์ที่จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
และเมื่อบริษัทได้พัฒนากลยุทธ์ก็ยังคงจะต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญ และในปัจจุบันบริษัทต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน
รวมถึงสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยการปรับปรุงกระบวนการในการบริหารและดำเนินงานเพื่อที่จะสามารถเพิ่มตอบสนองความต้องการของลูกค้าและให้มีความสามารถทางการแข่งขันที่สูงที่สุด
กลยุทธ์ธุรกิจเพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขัน
(business
competitive strategy)
เป็นกลยุทธ์เพื่อการแข่งขัน
โดยสามารถจะพิจารณาและมุ่งเน้นที่ความสามารถเฉพาะ ขององค์การธุรกิจนั้นๆ
เนื่องจากความสามารถเฉพาะเป็นสิ่งทีนำไปสู่การดำเนินงานที่มีความเป็นเอกลักษณ์และความแตกต่างจากคู่แข่งขันรายอื่นในด้านประสิทธิภาพ
ความรวดเร็วในการตอบสนองต่อลูกค้า สินค้า และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มที่โดดเด่น
รวมถึงจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน
จะนำไปสู่การสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการของบริษัทหรือสามารถทำให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมาก
จำแนกได้เป็นส่วนประกอบหลัก 2 ประการคือ
1.ทรัพยากร(resources) คือ โรงงาน เครื่องจักร
ต้นทุน อาคาร สำนักงานต่างๆ เช่น ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ ความรู้ ฐานข้อมูลของธุรกิจ ใบอนุญาติในการทำธุรกิจ
รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ เป็นทรัพยากรที่จับต้องไม่ได้
2.ทักษะในการใช้ทรัพยากร(capabilities)บริษัทต้องมีทักษะในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
เช่น ระเบียบ กฎ วิธีการในการดำเนินการต่างๆรวมถึงกระบวนการในการตัดสินใจในธุรกิจด้วย
ยุทธวิธีการแข่งขันเพื่อสร้างความได้เปรียบ
บริษัทจำเป็นต้องให้ยุทธวิธีในการแบ่งชั้น
มี 2 ประเภท
1.ยุทธวิธีเกี่ยวกับจังหวะเวลา (timing tactics) คือ
เมื่อไหร่ที่จะเข้าแข่งขันกับคู่แข่งขันมีความสำคัญมากในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
เพราะทำให้เกิดการได้เปรียบในฐานะที่ลงมือก่อนในด้านกลยุทธการแข่งขัน
บริษัทแรกที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าและบริการใหม่ก่อนผู้อื่น
เรียกว่าผู้เคลื่อนไหวก่อน(first mover)หรือผู้นำร่อง(pioneer)
2.ยุทธวิธีที่เกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของตลาด (market
location tactics)
เป็นการพิจารณาตัดสินใจว่าจะนำแผนปฏิบัติการ เข้าโจมตีคู่แข่งขันจุดไหนดี
และอย่างไร จึงจะทำให้เกิดการได้เปรียบทางการแข่งขัน บริษัท หรือหน่วยธุรกิจ(SBU)สามารถที่จะใช้แผนกลยุทธ์ทั้งในเชิงรุกและในเชิงรับโดยยุทธวิธีทั้ง 2 ประเภทมี
2.1 ยุทธวิธีเชิงรุก (offensive tactic) เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อเข้าโจมตีตำแหน่งที่ตั้งของคู่แข่งขันที่มีฐานะมั่นคงทางการตลาด
2.2 กลยุทธ์เชิงรับ (defensive tactic) เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันฐานะตำแหน่งปัจจุบันของบริษัทเอง
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้แข่งขันเข้ามาโจมตีได้ ลดการเสี่ยงภัยจากการถูกโจมตี
และการบีบให้ผู้รุกรานใช้กลยุทธ์ที่คุกคมน้อยลง
บริษัทที่ใช้กลยุทธ์การตั้งรับสามารถทำให้ฐานะการแข่งขันของบริษัทเข้มแข็งขึ้น
กลยุทธ์การแข่งขันของผู้นำทางการตลาด
ต้องดำเนินงาน 3 อย่างคือ ประการแรก
บริษัทจะต้องหาทางขยายอุปสงค์รวมของตลาดมากขึ้น ประการที่สอง
บริษัทจะต้องหาทางป้องกันส่วนครองตลาดในปัจจุบันโดยใช้กลยุทธ์ที่ดี
และประการที่สาม บริษัทจะต้องพยายามหาทางเพิ่มส่วนครองตลาดให้มากขึ้นยิ่งไปอีก
1.การขยายตลาดเพิ่มขึ้น (expanding the total market)
การขยายการตลาดอาจทำได้ด้วยการค้นหาและการส่งเสริมการใช้สินค้าใหม่
เช่นคนอเมริกันในตอนเช้ารับประทานซีเรียลเป็นอาหารเช้า
ดังนั้นผู้ประกอบการผลิตซีเรียลจะสามารถพิ่มยอดขายได้มากขึ้น
ถ้าสามารถส่งเสริมให้รับประทานในโอกาสอื่นๆด้วย ให้รับประทานเป็นอาหารว่างก็ได้
2.การป้องกันส่วนครองตลาด (defending
market share)
บริษัทผู้นำทางการตลาดต้องหาวิธีป้องกันธุรกิจในปัจจุบันของตนจากการโจมตีจากคู่แข่งขันด้วยการป้องกันที่ดีที่สุด
เพื่อไม่ให้มีจุดอ่อนที่จะให้คู่ต่อสู้โจมตีได้ โดยต้องสร้างสรรค์นำนวัตกรรมออกมาอย่างต่อเนือง
ผู้นำจะต้องนำหน้าในอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาสินค้า
และบริการใหม่ๆและตัดค่าใช้จ่ายลดต้นทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง
ความได้เปรียบในทางการแข่งขัน และมอบคุณค่าให้กับลูกค้าที่เหนือกว่า เพื่อลดความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีให้น้อยลง เบี่ยงเบนการโจมตีไปยังจุดที่ถูกคุกคามน้อยกว่า
3.การขยายส่วนครองการตลาด (expanding market share)
เป็นความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
วัดจากผลตอบแทนจากการลงทุนก่อนหักภาษีจะสูงขึ้นตามส่วนครองตลาดสัมพันธ์ในตลาดที่ทำการแข่งขัน
กลยุทธ์การแข่งขันของผู้ตามทางการตลาด
(market-follwer
strategies)
เป็นกลยุทธ์ที่บริษัทพอใจที่จะเป็นผู้ตามมากกว่าที่จะไปแข่งขันกับผู้นำทางการตลาด
เพราะเชื่อว่าการใช้กลยุทธ์ลอกเลียนแบบนวัตกรรมของผู้นำ อาจสามารถทำกำไรได้พอๆ
กับผู้นำทางการตลาด
1.ผู้ปลอมแปลง ( counterfeiter) จะลอกเลียนแบบสินค้าของผู้นำรวมทั้งบรรจุภัณฑ์และนำไปขายในตลาดมืด
(black market) หรือ ขายผ่านผู้จำหน่ายของปลอม เช่น แผ่นซีดี นาฬิกาโรเล็กซ์ เป็นต้น
2.ผู้ทำเทียม (cloner) จะทำสินค้าตามอย่างสินค้าของผู้นำทั้งชื่อ
และบรรจุภัณฑ์ โดยให้มีความแตกต่างเล็กน้อย
3.ผู้ลอกแบบ (imitator) จะลอกบางสิ่งบางอย่างจากผู้นำ
แต่จะยังคงสร้างความแตกต่างบ้าง ในบรรจุภัณฑ์ การโฆษณา
การกำหนดราคา ซึ่งผู้นำจะไม่ถือเป็นเรื่อสำคัญมากนัก
ตรามใดที่ผู้ลอกแบบไม่โจมตีอย่างรุนแรงเท่านั้น
4.ผู้ดัดแปลง (adapter) จะเอาสินค้าของผู้นำมาดัดแปลงหรือปรับปรุงใหม่
ผู้ดัดแปลงอาจเลือกตลาดที่จะนำสินค้าไปขายแตกต่างออกไป
และบ่อยครั้งที่ผู้ดัดแปลงจะเจริญเติบโตเป็นผู้ท้าชิงในอนาคต
เช่นเดียวกับบริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัทที่นำสินค้ามาดัดแปลงปรับปรุงให้ดีขึ้น
และพัฒนาเจริญเติบโตที่อื่น
กลยุทธ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมขั้นอิ่มตัว
เป็นการเจริญเติบโตเต็มที่และเข้าสู่ระยะชะลอการเติบโตในขั้นอิ่มตัว
ทำให้การแข่งขันจะรุนแรงมากที่สุด เพื่อแย่งชิงลูกค้าซึ่งกันและกัน
บริษัทที่มีฐานะทางการแข่งขันที่แข็งแรงกว่า จะทุ่มเทการแข่งขันในกลยุทธ์เพื่อเพิ่มส่วนครองตลาด
เพื่อดึงดูดลูกค้าออกจากบริษัทที่อ่อนแอกว่า
เพื่อรักษาและขยายส่วนครองตลาดเพิ่มขึ้น เช่น
1.การลดจำนวนและชนิดของสินค้าให้น้อยลง
เพราการมีสินค้ามากชนิดอาจจะมีความเหมาะสมในช่วงที่ตลาดกำลังขยายตัว
ซึ่งเป็นภาระและต้นทุนต่อบริษัท
2.การลดต้นทุนต่อหน่วย
เป็นการเจรจากับผู้ผลิตวัตถุดิบเพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้น
เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การกระจายสินค้า
และการลดค่าใช้จ่ายในการบริหารและบริการลง
3.การให้ความสำคัญกับนวัตกรรมของกระบวนการผลิตและดำเนินงาน
เป็นการปรับปรุงกระบวนการในการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หรือการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตให้มากขึ้น
จะทำให้สินค้ามีคุณภาพสูงในต้นทุนที่ต่ำ
4.การขยายตลาดใหม่ บริษัทควรจะหาทางขยายหรือเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่
เช่น ร้านค้าซุปเปอร์มาเก็ตสามารถเพิ่มยอดขายได้โดยการตั้งตู้
เอทีเอ็มหรือบริการล้างอัดรูป
5.การซื้อกิจการของคู่แข่งขัน
บริษัทสามารถเข้าไปซื้อกิจการได้ในราคาที่เหมาะสม
โดยบริษัทสามารถได้ประโยชน์จากบริษัทที่เข้าไปซื้อ เช่น การได้ฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
หรือเทคโนโลยีที่สำคัญที่กิจการนั้นมีอยู่
6.การขยายตลาดสู่ต่างประเทศ บริษัทสามารถขยายตัวออกไปสู่ตลาดต่างประเทศซึ่งยังมีโอกาสในการเจริญเติบโตมากกว่า
และมีการแข่งขันที่ยังไม่ค่อยรุนแรง
กลยุทธ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมขั้นลด
เมื่ออุตสาหกรรมเจริญเติบโตถึงจุดสุดท้าย
อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในที่สุดก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นลด
โดยความต้องการของลูกค้าต่อสินค้าหรือบริการของอุตสาหกรรมเริ่มลดลง
ทำให้ขนาดของตลาดโดยรวม เริ่มหดตัว เช่น อุตสาหกรรมลูกค้า
อันเกิดจากเครื่องคิดเลขเข้ามาแทนที่ และอุตสาหกรรมยาสูบต้องตกต่ำลง
เนื่องจากทัศนคติของสังคมของการสูบบุหรี่เปลี่ยนแปลง
เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้สูบ
บริษัทที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมที่มีลักษณะหยุดนิ่งหรือถดถอยมักจะมีกลยุทธ์ดังนี้
1.กลยุทธ์ความเป็นผู้นำ
เป็นกลยุทธ์ที่มีส่วนช่วยให้เกิดความเจริญเติบโตในอุตสาหกรรมกำลังลดลง
โดยการเก็บรวบรวมส่วนครองตลาดของบริษัทต่างๆ ที่ถอนตัวออกไปจากอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะบริษัทมีความแข็งแกร่งหรือมีจุดแข็งเด่นเป็นพิเศษหลายอย่าง
เพียงพอที่จะเข้าไปยึดครองส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมที่กำลังลดลง และระดับการลดลงของอุตสาหกรรม ความรุนแรงของการแข่งขัน เช่น บริษัทฟิลิป
มอร์รีสใช้กลยุทธ์นี้ประสบผลสำเร็จมาแล้วในอุตสาหกรรมยาสูบ
ทำให้บริษัทเพิ่มส่วนครองตลาดและสามารถทำกำไรได้มากด้วยการตัดราคาอย่างรุนแรง
และใช้เทคนิคทางการตลาดเพื่อสร้างส่วนครองตลาดมากขึ้น เข้าไปซื้อธุรกิจของผู้แข่งขันที่มีฐานะดีเพื่อรวมตัวขึ้นในอุตสาหกรรม
สร้างความกดดันให้ผู้แข่งขัน
2.กลยุทธ์การมุ่งเน้นตลาดเป้าหมาย
บริษัทจะต้องพยายามเสาะหา
หรือใช้ประโยชน์จากส่วนของตลาดออกเป็นส่วนตลาดย่อยๆได้มากมาย
ซึ่งบริษัทสามารถแบ่งส่วนการตลาดและหาส่วนของตลาดที่ยังคงมีการเติบโตได้
จะทำให้รอดพ้นจากการหยุดนิ่ง เช่นธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
เมื่อเศรษฐกิจประสบกับภาวะตกต่ำ รถยนต์ใหม่มียอดขายลดลง
ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ต้องหันไปมุ่งเน้นการผลิตอะไหล่เพื่อขายในตลาดที่ไปใช้ซ่อมแซมรถเก่าแทน
ซึ่งต้องทำให้ปรับลดคุณภาพและราคาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดและสามารถขายผลิตภัณฑ์ได้
3.กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างในสินค้าและบริการ
โดยการเพิ่มคุณภาพและนวัตกรรมของสินค้า
จะทำให้เกิดความต้องการในสินค้าหรือริการนั้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
สินค้าและบริการจะเป็นทางเลือกในการแข่งขัน
และยังสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันเนื่องจากเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ยากและแพงที่จะลอกเลียนแบบ
4.กลยุทธ์การมุ่งเน้นการลดต้นทุน
โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาและการสร้างความสามารถเฉพาะทางให้เกิดประโยชน์จากการนำอุปกรณ์และเครื่องจักรไม่ได้ใช้งานเต็มตามประสิทธิภาพ
เช่น การรับชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อส่งโรงงานผลิตสินค้าชนิดต่างๆหรือการเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่ายเพื่อให้มั่นใจว่ายอดขายจะมีมากเพียงพอสำหรับการผลิตให้ได้ปริมาณมากเพื่อลดต้นทุน
หรือปิด หรือยกเลิกช่องทางการจำหน่ายที่มีปริมาณน้อยและต้นทุนสูง
5.กลยุทธ์เก็บเกี่ยวผลกำไร
มีจุดมุ่งหมายที่จะถอนตัวออกจากอุตสาหกรรมซึ่งกำลังลดลง หรือเพื่อใช้เก็บเกี่ยวผลกำไร
เพื่อให้กระแสเงินสดไหลเวียนดีขึ้นก่อนที่จะถอนตัวออกไป
6.กลยุทธ์เลิกการลงทุน
โดยบริษัทต้องรู้ก่อนว่าเมื่อใดอุตสาหกรรมจะเข้าสู่ขั้นตกต่ำ
ก่อนที่อุตสาหกรรมจะถดถอยลงจนถึงขั้นวิกฤต
และขายทิ้งสินทรัพย์ของบริษัทในขณะที่ยังมีคุณค่าต่อผู้อื่นอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น